นินจุสสุ จริงปลอมดูกันที่ไหน

หากคุณได้ลองค้นหาดูในกูเกิ้ลด้วยคำว่า ninja หรือ ninjutsu จะพบโรงฝึกมากมายซึ่งแน่นอนมีทั้งจริงและปลอม
เพราะอย่างที่เราทราบ ๆ กันดีว่าชื่อวิชานินจาหรือนินจุสสุเป็นชื่อที่ขายได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
เนื่องจากมีหลายท่านเหลือเกินที่สอบถามเข้ามาว่าในบางครั้งไปพบสถานที่ ๆ อ้างว่าสอนวิชานินจา
แต่ยังสงสัยอยู่ว่าจริงหรือไม่จริงนั้น และอยากทราบว่าต้องดูกันตรงไหน
ว่าเป็นวิชานินจุสสุจริงหรือไม่จริง วันนี้ขอมาเล่าให้ฟังแล้วกันนะครับว่าจะสังเกตยังไงดี

วิชานินจุสสุ นั้นเป็นวิชาที่ต้องมี lineage หรือการสืบทอด ไม่ใช่วิชาที่ตั้งขึ้นมาได้เองเหมือนวิชาสมัยใหม่
ดังนั้นในแต่ละสำนักจะต้องสามารถอธิบายลำดับการสืบทอดได้ว่าเป็นวิชาที่มาจากไหน
บ่อยครั้งที่คนที่ไม่เข้าใจในวิชานินจุสสุ แล้วคิดว่าก็เหมือนวิชาอื่น ๆ ที่นำมาผสมกันเนื่องจากนินจุสสุ
มีการต่อสู้ในทุก ๆ แบบ ก็เลยเอาวิชาอื่น ๆ มาผสมกันแล้วเรียกว่านินจุสสุแล้วเปิดสำนักของตัวเองขึ้นมา
แต่จริง ๆ แล้ววิชานี้ ไม่ใช่การผสมวิชาอื่น ๆ หลาย ๆ วิชาขึ้นมาแล้วเรียกว่าวิชานินจุสสุ ซึ่งแน่นอนว่านั่นจะกลายเป็นวิชานินจุสสุ
ตามใจของผู้ผสมวิชามากกว่านินจุสสุที่แท้จริง และทำให้เกิดวิชาแปลก ๆ ที่ไม่ถูกต้องขึ้นมา
อย่างเช่นที่มักพบเห็นในโรงฝึกที่ไม่ถูกต้องจนทำให้วิชานี้ถูกเข้าใจผิด ๆ ซึ่งหาดูได้ตามหนัง และ ละครทั่วไป

นินจา เต่า ตัวอย่างหนึ่งจากการ์ตูน ที่สร้างความเข้าใจผิดเรื่องนินจาในเรื่องการใช้อาวุธ
อย่างกระบองสองท่อนหรือไซ ที่ไม่ใช่อาวุธของนินจาจริง ๆ

หากคุณเข้าไปดูตามอินเตอร์เน็ตบ่อย ๆ อาจจะพบบางสำนักประหลาด ๆ ที่เจ้าสำนักหรือ soke (ส่วนมากเป็นฝรั่งที่ตั้งตัวเองขึ้นมา)
โดยบอกว่าเป็นผู้สืบทอดวิชามากว่า 10 วิชา หรือ อะไรทำนองนั้น แต่ไม่มีการบอกว่าฝึกมาจากที่ไหนอย่างไร
ก็จะเป็นอะไรที่พบเห็นได้บ่อยมาก ๆ (แต่ก็ยังแปลกที่มีคนเชื่อด้วย และไม่สงสัยว่าวิชาญี่ปุ่นจะมีผู้สืบทอดเป็นฝรั่งได้จริงหรือ )
ถึงแม้จะเป็นในประเทศญี่ปุ่นเองก็ยังมีการแอบอ้างเรื่องนินจุสสุบ่อย ๆ ตัวอย่างเช่น มีนักสะสมอาวุธนินจาคนหนึ่งสะสมไปสะสมมา
ก็ตั้งตัวเป็นเจ้าสำนักอิกะก็มี

อีกอย่างหนึ่งวิชาโบราณของญี่ปุ่นอย่างนินจุสสุ จะเป็นวิชาที่มีสำนัก หรือ ริว
ดังนั้นจะไม่ใช่เพียงแค่บอกว่าเป็นวิชานินจุสสุ แต่ต้องบอกได้ด้วยว่ามาจากริวไหนด้วย
ปัจจุบันมีเพียง 3 ริวของนินจุสสุที่ได้รับการยอมรับว่ามีการสืบทอดจริง นั่นก็คือ
โตกาคุเระ ริว นินโป, เกียวคุชิน ริว นินโป และ คุโมกาคุเระ ริว นินโป ซึ่งทั้งหมดสืบทอดโดยอาจารย์์ืมาซึอะกิ ฮะซึมิ
ของบูจินกัน และ สืบทอดต่อไปยังโรงฝึกที่แยกออกไป
(จริง ๆ แล้วสมัยนี้สามารถตรวจสอบริวนั้นง่าย ๆ ด้วยโดยมาค้นหาใน internet ว่ามีจริงไหม)

ต่อไป ก็คล้าย ๆ จากข้อแรกคือผู้ฝึกสอนจะต้องสามารถตรวจสอบได้ว่าฝึกมาจากไหน
ใครเป็นอาจารย์ เพราะ ก็จะสามารถทราบได้ว่ามาจากสำนักไหน และ ยังสามารถตรวจสอบไปยังผู้ที่เป็นอาจารย์
หรือต้นสำนักได้ด้วยว่าเป็นผู้ฝึกสอนจริง ๆ หรือไม่ ใบประกาศนียบัตรก็อาจจะใช้เป็นจุดสังเกต
ได้ด้วยว่าเป็นผู้ที่มีคุณวุฒิเพียงพอที่จะสอนหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องระวังใบประกาศนียบัตรปลอม
หรือ ใบประกาศนียบัตรบางประเภทที่หาซื้อได้

(จริงๆ แล้วประกาศนียบัตรไม่เป็นแน่ ๆ และ ความจริงไม่น่าจะเป็นภาษาอังกฤษด้วยซ้ำไป)

ตัวอย่างใบประกาศที่หาซื้อได้ใน Ebay

ใบประกาศ นินจา ในอีเบย์

จริงอยู่ว่าใบประกาศนียบัตรไม่สามารถบอกได้ว่าคน ๆ นั้นเก่งหรือไม่
แต่ก็สามารถบอกความเป็นมาตรฐานของคน ๆ นั้นได้ ว่าได้ฝึกมาจนได้รับความไว้วางใจว่าสามารถให้เปิดสอนได้
เพราะในบางครั้งก็พบว่ามีคนที่เข้าฝึกในโรงฝึกนินจุสสึจริง ๆ เพียงครั้งหรือ สองครั้งก็เอาไปเปิดสอนซะแล้ว
สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบโดยปรกติแล้วศิลปะการต่อสู้ญี่ปุ่นการได้สายดำไม่ได้หมายถึงว่า
มีความสามารถเป็นผู้ฝึกสอนได้ทันที ในบางวิชาจะต้องได้สายดำในระดับสูงหรือต้องมีการรับรองการสอนด้วย

ในบูจินกัน บูโด ไทจุสสึนั้นก็เช่นกันผู้จะสามารถเป็นผู้สอนได้จะต้องเป็นสมาชิกในระดับสายดำขั้นห้าขึ้นไป
และ ยังต้องเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ฝึกสอนอีกด้วย ถึงแม้จะได้รับสายดำแล้วก็ยังไม่ถือว่าเป็นผู้ฝึกสอนได้
การที่ต้องเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ฝึกสอนก็เนื่องจากมีเหตุการณ์ที่ว่า ผู้ฝึกบางคนฝึกจนได้ถึงสายดำแล้วก็เลิกฝึกตัวเอง
และ ไปสอนหาเงินเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็เหมือนกับการออกจากโรงฝึกไปแล้วนั่นเอง
ในบูจินกันนั้นจะใช้การตรวจบัตรสมาชิก และ บัตรสมาชิกของสมาคมผู้ฝึกสอนที่จะออกให้ปีต่อปีเพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อของคนที่เลิกฝึกไปแล้ว
(ดังนั้นหากมีผู้ใดอ้างว่าเป็นผู้ฝึกสอนของบูจินกันก็ลองขอบัตรดูได้เลย)

ในบ้านเรานั้นนาน ๆ ทีก็จะมีคนที่แอบอ้างสอนวิชานินจาโผล่ออกมาที แล้วก็หายไปเป็นช่วง ๆ หลังโดนจับได้
บางคนก็เอาวิชานู้นวิชานี้ผสมกัน บางคนก็เป็นวิชาในจินตนาการคิดเอาเอง(ทั้งที่ไม่เคยฝึกอะไรเลย จะเอาอะไรมาสอน) และ มีทั้งวิชานิินจาจากการ์ตูนอีก
โดยมากมักสอนให้กับเด็ก ๆ ที่ติดกับชื่อของนินจา ก็เลยทำให้เรียกเก็บเงินได้
การฝึกวิชาประหลาด ๆ อย่างนี้นอกจากไม่ได้ส่งเสริมให้ความรู้กับผู้ฝึกแล้ว ยังทำให้คนฝึกเข้าใจอะไรผิด ๆ ซะมากกว่า
ผู้ที่จะเข้าฝึกวิชาที่อ้างว่าเป็นวิชานินจา หรือ นินจุสสุ ควรจะตรวจสอบเสียก่อนว่าเป็นของจริงหรือไม่
คำถามง่าย ๆ อย่าง เช่น อาจารย์คือใคร ฝึกมาจากไหนจากสำนักอะไร อาจารย์อยู่สายไหนแล้ว
เป็นคำถามพื้นฐานที่ไม่ถือเป็นการเสียมารยาทที่จะถาม หากผู้สอนตอบไม่ได้ให้คิดไว้ก่อนเลยครับว่า "ปลอม"
เป็นสิทธิของผู้เรียนเองที่จะตัดสินใจเข้าฝึกในโรงฝึกไหน ๆ ก็ตาม หากเข้าเรียนที่โรงฝึกปลอมทั้งหลาย
นอกจากเสียเวลาเปล่าแล้ว ในภายหลังเมื่อได้ประกาศนียบัตรใด ๆ จากโรงฝึกเหล่านี้จะไม่สามารถนำไปอ้างอิงหรือเทียบกับที่ใด ๆ ได้เลย
และ ไม่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป

อย่างที่อาจารย์มาซึอะกิ อนุญาติทุกคนสามารถเลือกอาจารย์ของตนเองได้ และ ยังได้กล่าวไว้ว่า "หากครูของท่านเป็นคนโง่ ท่านก็จะโง่ไปด้วย"

ผู้ที่คิดจะกระทำการปลอมแปลงใด ๆ ก็เตือนไว้ก่อนครับ สมัยนี้นอกจากจะมีความผิดทางกฏหมายแล้ว
ยังผิดกับตัวเองในฐานะนักศิลปะการต่อสู้อีกด้วย สิ่งที่ทำจะหลอกหลอนตนเองไปตลอดเวลา และ หากถูกจับได้จะอับอายในสังคมเสียเปล่า ๆ
ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ควรจะมีเกียรติและศักดิ์ศรีในตนเอง การกระทำที่ผิดวิถีทางของนักศิลปะการต่อสู้อย่างนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในสากล
โดยเฉพาะหากผู้ที่จะฝึกศิลปะการต่อสู้ญี่ปุ่นแล้ว วิถีแห่งบูชิโดย่อมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถลืมได้
ความจริงใจ ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งที่จะทำให้ได้รับความยกย่องและทำให้ชีวิตมีคุณค่า
ความปลิ้นปล้อนและการประพฤติมิชอบนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในวิถีแห่งซามูไร (หากเป็นสมัยก่อนคงให้คว้านท้องกันแล้ว)
หากอยากสอนจริง ๆ ง่าย ๆ ครับ คือเข้าฝึกให้ถูกต้อง จนได้ระดับที่สามารถสอนได้ คุณก็จะมีสิทธิสอนได้เองนั่นแหละครับ
ไม่มีทางลัดในการฝึกศิลปะการต่อสู้หรอกครับ