ประมวลภาพจากกิจกรรมอบรมการป้องกันตัวเนื่องในวันแม่แห่งชาติ
วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2558
วันอังคารที่ 4 สิงหาคม 2015
ร.ท. เอก โอสถหงษ์ หัวหน้าโรงฝึกบูจินกันประเทศไทย
ได้รับประกาศนียบัตรตำแหน่ง Yushu shihan จากอาจารย์มะซะอะกิ อะซึมิ
(Yushu ยูชู = 優秀 excellence, important; Shihan ชิฮัน = 師範 master, model instructor)
ก่อนหน้านี้ในโรงฝึกบูจินกัน ไม่มีตำแหน่งชิฮัน(ผู้สอนอาวุโส)อย่างเป็นทางการ
แต่จะมีแต่ตำแหน่งชิโดชิ ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้สอน เมื่อสอบผ่านสายดำระดับห้า
ประกาศนียบัตร Yushu Shihan เพิ่งเริ่มมีการให้เมื่อปี 2014
โดยเป็นตำแหน่งที่ได้รับเฉพาะสายดำระดับสิบห้าเท่านั้น
ถือเป็นตำแหน่งชิฮันอย่างเป็นทางการของบูจินกัน
การได้รับครั้งนี้จึงนับเป็นเกียรติสำหรับโรงฝึกบูจินกันประเทศไทยในการได้รับตำแหน่งในครั้งนี้
เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2558
โรงฝึกบูจินกันประเทศไทยจะจัดอบรมศิลปะการป้องกันตัวสำหรับสุภาพสตรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายสำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ
กิจกรรมในครั้งนี้จะทำการฝึกศิลปะการป้องกันตัวเบื้องต้น รวมทั้งแนวคิดเพื่อการป้องกันตัวแบบต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวันสำหรับสุภาพสตรี โดยใช้ทักษะในรูปแบบของโรงฝึกบูจินกัน
การอบรมจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคมนี้ เวลา 13.00 น. – 17.00 น.
ณ.ห้องฝึกชั้น 2 ตึกช้าง แยกรัชโยธิน
กิจกรรมนี้รับจำนวนจำกัดไม่เกิน 30 ท่าน ผู้ที่สนใจเข้าร่วมสามารถลงทะเบียนเข้าอบรมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0860068745 และ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ด้วยเบอร์เดียวกัน
(ไม่รับลงทะเบียนผ่านอินเตอร์เน็ต หรือ อีเมล์)
หากมีผู้ลงทะเบียนเต็มแล้วจะมีการประกาศอีกครั้งหนึ่ง
จากเมื่อเดือนก่อน ๆ อาจารย์ได้ โพสต์ถึงสถานที่ฝึก บูจินกัน โดยสมาชิกโรงฝึกประเทศไทย
ที่ได้สอบผ่านการเป็นผู้ฝึกสอน ระดับชิโดชิ ไปแล้ว จากที่ทั้งสี่คนนั้นมีโรงฝึกของตนเอง ในตอนนี้ได้มีเวปไซต์เป็นของตนเองเป็นที่เรียบร้อย จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สนใจการฝึกในแต่ละสถานที่สามารถติดต่อโรงฝึกแต่ละที่โดยตรง
1. โรงฝึกสยามสแควร์: ซุยคิ โดโจ
เวปไซต์ http://bujinkan-suikidojo.com
2. โรงฝึกสมุทรปราการ: ฟูกิ โดโจ
เวปไซต์ http://www.bujinkan-samutprakan.com
3. โรงฝึกธนบุรี: องเกียวกิ โดโจ
เวปไซต์ http://bujinkan-thonburi.com
4. โรงฝึกหลักสี่: โอนิ โดโจ
เวปไซต์ http://bujinkan-onidojo.com
เนื่องจากปัจจุบันโรงฝึกมีผู้สอนเยอะขึ้น และ หลายคนเดินทางไปต่างจังหวัดค่อนข้างบ่อย จึงอาจเป็นโอกาสอันดีที่จะสามารถจัดสัมมนาฝึกบูจินกัน บูโด ไทจุสสุ ในต่างจังหวัดได้ อย่างเช่นที่อาจารย์เคยทำมาในอดีต
สำหรับผู้สนใจร่วมฝึก บูจินกัน บูโด ไทจุสสุ ในต่างจังหวัด สามารถกรอกข้อมูลส่วนตัวทิ้งไว้ เพื่อใช้การติดต่อกลับ เมื่อมีการจัดสัมมนาฝึกในพื้นที่หรือพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ลงชื่อสนใจเข้าฝึกจำนวนมากพอในพื้นที่นั้น ๆ
>> LINK << ลงชื่อที่นี่
เนื่องจากในอดีตมีปัญหาที่ว่าผู้สนใจลงชื่อไว้แล้ว แต่เมื่อจัดฝึกกลับมีคนมาจริงไม่กี่คน (ลงชื่อยี่สิบคน มาเพียงห้าหกคน) จึงขอความร่วมมือลงชื่อเฉพาะผู้ที่สนใจจริงนะครับ ขออีเมล์ที่สามารถติดต่อได้จริง เพราะ โรงฝึกจะไม่ติดต่อผ่านโทรศัพท์ครับ
(หากพื้นที่ใดที่มีโอกาสฝึกสม่ำเสมอและมีผู้เข้าฝึกสม่ำเสมอ ก็อาจจะสามารถเปิดกลุ่มฝึกได้ในอนาคตต่อไป)
สำหรับเดือนที่ผ่านมาเรามีข่าวดีสำหรับโรงฝึกประเทศไทย คือ มีการเลื่อนสายดำในระดับสูงขึ้นสำหรับผู้ฝึกขั้นสูง คือ ระดับที่ห้าเป็นหกเพิ่มหนึ่งคน และ ได้ผู้ได้รับระดับห้าเป็นชิโดชิใหม่เพิ่มขึ้นอีกสี่คน ตามที่ประกาศไปเมื่อครั้งที่แล้ว นับเป็นข่าวดีที่รอกันมานานสำหรับอาจารย์เองที่ได้มีสมาชิกในระดับชิโดชิเพิ่มขึ้นอีก ในการสอบคราวนี้มีขึ้นที่โรงฝึกโตเกียวบุโดกัง ที่เมืองอะยะเสะ ประเทศญี่ปุ่น สมาชิกทั้งสี่สามารถสอบผ่านการทดสอบ Sakki test ของบูจินกันไปได้อย่างเต็มภาคภูมิ จนได้รับการปรับขึ้นสู่สายดำระดับห้าและรับตำแหน่งชิโดชิอย่างเต็มตัว
หลังสอบมีทั้งอาจารย์ชาวญี่ปุ่น และ ชาวต่างชาติหลายคนเข้ามาแสดงความยินดีกับผมในฐานะผู้สอน สำหรับผมซึ่งเป็นผู้สอนแล้ว สิ่งที่น่าภูมิใจในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่สมาชิกของโรงฝึกสอบผ่าน แต่เป็นเรื่องที่สมาชิกของโรงฝึกได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีความเหมาะสมในสายที่ตนได้รับได้ในระดับสากล เป็นการหยั่งรากให้ลึกขึ้นของวิชาบูจินกัน บูโด ไทจุสสุในประเทศไทย ซึ่งสามารถบอกได้ว่าเรามาถูกทางแล้ว โดยอาจารย์มาซะอะกิเองก็พอใจกับผลที่ได้
อาจารย์มาซะอะกิมักจะเน้นย้ำกับผมให้หา”คนที่ดี” เข้าฝึกวิชาบูจินกัน นินจุสสุ ซึ่งการพิสูจน์ตัวเองของแต่ละคนนั้นผ่านเวลามาอย่างยาวนานมาก เพราะ การสอบชิโดชิจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสมาชิกอยู่ในสายดำระดับสี่แล้ว ซึ่งหมายความว่าจากเริ่มฝึกครั้งแรกจนถึงการสอบมีเวลาในการฝึกมานานมาก ในบูจินกันถึงแม้จะให้สายค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับหลายวิชา เพราะไม่จำกัดเวลาในการครองสายโดยจะขึ้นกับความสามารถไม่ใช่เวลา เพราะ เป็นการฝึกให้ขั้นในแบบสมัยโบราณที่คนมีอายุไม่ยืนกันนักเนื่องจากต้องออกรบแต่ยังหนุ่ม แต่ถึงอย่างงั้นแล้วในระดับที่จะสอบนี้สายดำขั้นที่ห้าอย่างน้อยต้องฝึกมาประมาณแปดถึงเก้าปี ซึ่งในระยะเวลาที่ยาวนานที่ผ่านมานี้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคงการฝึกไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นระยะเวลานานพอที่จะเปลี่ยนจากเด็กที่เรียนมัธยมต้นกลายเป็นจบมหาวิทยาลัยกลายเป็นผู้ใหญ่ จากหนุ่มสาวมหาวิทยาลัยที่มีอิสระในการใช้ชีวิตก็กลายเป็นผู้มีภาระติดตัวมีลูกมีครอบครัว เป็นเหตุที่ให้ทำให้คนฝึกส่วนมากไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้โดยง่าย โดยเฉพาะถ้าไม่มีความรักในการฝึกจริง จะไม่สามารถแบ่งเวลาอย่างเหมาะสมทั้งเรื่องการฝึกและการใช้ชีวิต อีกทั้งเวลาที่ยาวนานที่ถูกฝึกฝนทำให้คนมีโอกาสออกนอกลู่นอกทางกันได้ง่าย ทั่วโลกมีคนจำนวนมากที่เริ่มต้นแบบถูกต้อง แต่พอภายหลังก็หลุดกรอบไปก็เยอะ คนจำนวนมากอยากได้ทางลัดที่รวดเร็วกว่านี้ เช่น เพื่อจะให้ตนสามารถสอนได้แทนที่จะมาตามลำดับขึ้นจนถึงขั้นที่เหมาะสม ก็เลยยกตัวเองเป็นครูเองเปิดวิชาใหม่เองเลยง่ายกว่า
สำหรับการขึ้นสู่ระดับสายดำขั้นห้าในบูจินกันมีความพิเศษ ไม่ใช่การเลื่อนสายตามปรกติ แต่เป็นการเลื่อนขึ้นเพื่อรับตำแหน่งชิโดชิ ซึ่งสามารถเป็นผู้สอนวิชาบูจินกันได้อย่างเต็มตัว ชิโดชินั้น คือ การเปิดประตูบานใหม่ของผู้ฝึกระดับสายดำ สู่การใช้ชีวิตในแบบ Bufu Ikkan หรือ การใช้ชีวิตบนเส้นทางของศิลปะการต่อสู้ การทดสอบนั้นมีขึ้นก็เพื่อให้ได้รับรู้ถึงสิ่งที่ยังไม่รู้ เพื่อเปิดหูเปิดตาผู้ฝึกเข้าสู่ระดับของการฝึกอีกขั้นหนึ่ง เพื่อที่จะได้พัฒนาเป็นชิโดชิ (ผู้ชี้ทาง) ที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้การขึ้นสู่ระดับของครูอาจารย์ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในโรงฝึกที่เข้มงวดอย่างในวิชาการต่อสู้โบราณของญี่ปุ่น การฝึกฝนไม่ได้ดูเฉพาะเรื่องฝีมือเวลาฝึก แต่จะรวมถึงความรู้ ความสามารถ จิตใจ คุณธรรม และ จริยธรรม ที่เหมาะสมอีกด้วย แตกต่างจากวิชาศิลปะการต่อสู้สมัยใหม่ (เก็นได) ส่วนมากที่ใช้การสอบเพื่อวัดความสามารถของผู้ฝึก แต่ในบูจินกันไม่มีการสอบแบบนั้นแต่ตัวครูจะต้องเป็นผู้พิจารณาและประเมินลูกศิษย์ในทุก ๆ ด้าน และ ถือเป็นความรับผิดชอบของนักเรียนเองที่จะปฏิบัติตนให้ถูกต้อง โดยเมื่อลูกศิษย์สามารถพิสูจน์ตนเองว่าสามารถขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ก็จะได้ ก็เป็นความรับผิดชอบของครูที่จะพิจารณารับรองลูกศฺษย์ตนเองในการเลื่อนสายต่อไปเนื่องจากในมุมมองของศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นการไว้วางใจที่จะให้ลูกศิษย์ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดเป็นครูนั้นเป็นสิ่งอันตราย เพราะ ความรับผิดชอบการเป็นครูในวิชาศิลปะการต่อสู้แตกต่างจากวิชาอื่น ๆ เนื่องจากเป็นการสอนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคนอื่น ๆ ทั้งตัวลูกศิษย์เอง และ บุคคลที่สาม ศิลปะการต่อสู้นั้นจะมองการสอนว่าไม่ใช่การสอนเพื่อความสนุกสนาน รื่นเริง เข้าสังคม หรือ สอนเป็นกีฬาเพื่อสุขภาพ แต่เป็นการสอนเพื่อการเอาตัวรอด เพื่อชีวิต หากนำไปสอนกันแบบผิด ๆ ต่อไปแล้วการสอนผิดพลาดนั้น สามารถทำให้ลูกศิษย์รุ่นต่อ ๆ ไปมีความผิดพลาดที่ถึงกับชีวิตได้
สำหรับตัวผมเองได้เห็นพัฒนาการของแต่ละคนมาตั้งแต่เริ่มต้นเข้าประตูโรงฝึกครั้งแรก เข้าเริ่มเป็นสายขาวจนกระทั่งได้รับสายดำแต่ละระดับสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ ทุกคนจะได้ผ่านการทดสอบในแต่ละขั้น ทำให้ได้เห็นช่วงที่ดีและแย่ของแต่ละคน เห็นวิธีการจัดการกับตัวเองของแต่ละคน เมื่อแต่ละคนผ่านพ้นภาวะนั้นมาได้ สามารถแก้ไขส่วนที่บกพร่องมาได้ ก็จะเข้าสู่การฝึกระดับที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่เหมาะสมกับการสอบเพื่อเป็นชิโดชิได้ เหมือนที่อาจารย์มาซะอะกิได้เคยสอนไว้ในบทความเรื่อง คิฮอน แฮปโปว่า นักศิลปะการต่อสู้นั้นไม่มีจุดสิ้นสุดในการฝึกฝนตัวเอง การที่จะขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นได้จริง ๆ ก็คือการลดข้อผิดพลาดของตัวเองออกไป ซึ่งฟังดูเหมือนง่ายแต่จริง ๆ แล้วทำได้ยากมากเพราะมนุษย์มักจะคิดว่าตัวเองไม่มีข้อผิดพลาด จนทำให้คนส่วนมากย่ำอยู่กับที่จนกว่าจะยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองเสียก่อน
การเลื่อนสายในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จของผู้ฝึกทั้งสี่ โดยในปัจจุบันเราเพิ่งมีสมาชิกโรงฝึกห้าคนที่ขึ้นมาถึงจุดนี้ ซึ่งแต่ละคนกลับมาแล้วก็มีความรับผิดชอบในการดูแลกลุ่มฝึกของตนด้วย จึงน่ายินดีที่เราได้มีโรงฝึกอย่างถูกต้องเพิ่มขึ้นอีกถึงสี่โรงฝึก ขอให้ทุกคนได้ภูมิใจและพยายามก้าวหน้าต่อไป
Gambatte kudasai!
Nijiryu
สถานที่ฝึกตึกช้าง จะงดฝึกวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2015
เนื่องจากตึกปิดในเทศกาลสงกรานต์ สัปดาห์ต่อไปทำการเปิดทำการฝึกตามปกติ
เนื่องในโอกาศได้รับตำแหน่งชิโดชิใหม่ของสมาชิกโรงฝึกอาจารย์มาซะอะกิได้มอบชื่อโรงฝึกเป็นภาษาญี่ปุ่นให้กับโรงฝึกทั้งสี่ โดยมีความหมายมาจาก เรื่องของ ฟูจิวาระ ฉิคาตะ ที่มีที่มาจากนิยายปรัมปราของญี่ปุ่นในสมัยเฮอัน โดยตัวเรื่องเริ่มต้นที่ทางใต้ของจังหวัดอิกะ
ฟูจิวะระ ฉิคาตะ นำทัพเข้าต่อต้านทัพของพระจักรพรรดิ โดยมีปีศาจ หรือ ยักษ์ (โอนิ) สี่ตนเป็นผู้นำทัพ ได้แก่
1. คินกิ Kinki ปีศาจทองหรือยักษ์ทอง ที่มีร่างกายคงกระพันสามารถต้านทานอาวุธของทหารได้ทุกอย่าง
2. ฟูกิ Fuuki ปีศาจลมหรือยักษ์ลม ที่ใช้ลมเป็นอาวุธเข้าทำลายปราสาท
3. ซุยกิ Suiki ปีศาจหรือยักษ์น้ำ สามารถควบคุมน้ำเข้าต่อสู้กับทหารได้
4. องเกียวกิ Ongyoki ปีศาจหรือยักษ์ที่สามารถซ่อนตัวให้ไม่มีคนเห็น จนเข้าทำลายปราสาทของข้าศึกได้
นอกจากนั้นในการเล่าเรื่องบางครั้งยังมีการกล่าวถึงยักษ์อีกสองตนแทนปีศาจน้ำซุยกิ ได้แก่
– โดกิ ปีศาจหรือยักษ์ดิน
– คะกิ ปีศาจหรือยักษ์ไฟ
ในนิทานปรัมปรานี้กล่าวว่ายักษ์ทั้งสี่เป็นต้นกำเนิดของวิชานินจุสสุในเวลาต่อมา
สำหรับชื่อโรงฝึก ที่อาจารย์มาซะอะกิได้มอบให้โรงฝึกทั้งสี่ ได้แก่
1. โรงฝึกสยามสแควร์: ซุคคิ โดโจ
2. โรงฝึกสมุทรปราการ: ฟูกิ โดโจ
3. โรงฝึกธนบุรี: องเกียวกิ โดโจ
4. โรงฝึกหลักสี่: โอนิ โดโจ
ขอแสดงความยินดีกับ คุณณัฐธีร์ รุจิระชัยเวทย์ ที่ได้รับการเลื่อนสายเป็นสายดำระดับหก
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา
และ ขอแสดงความยินดีกับชิโดชิ(Shidoshi)คนใหม่ของโรงฝึกประเทศไทยสี่ท่าน ได้แก่
1. คุณกานต์ ศรีอรุณ (หัวหน้ากลุ่มฝึกสยามสแควร์)
2.คุณวิศิษฐ์ ชิตรันต์ (หัวหน้ากลุ่มฝึกสมุทรปราการ)
3.คุณเกรียงศักดิ์ เทพโยธิน (หัวหน้ากลุ่มฝึกธนบุรี)
4. คุณธีรวัฒน์ อิสสริยะกุล (หัวหน้ากลุ่มฝึกหลักสี่)
ที่ผ่านการทดสอบ Sakki test สำหรับสายดำระดับห้าที่ประเทศญี่ปุ่น
ในการเลื่อนสายครั้งนี้ทั้งหมดได้รับการเลื่อนฐานะเป็นชิโดชิ อย่างเต็มตัว
ทำให้สามารถเปิดสอนแบบโรงฝึกได้ จึงให้เปลี่ยนชื่อกลุ่มฝึก (shibu) ที่ดูแลอยู่ต่อไปนี้
เป็นโรงฝึก(dojo)
1. กลุ่มฝึกสยามสแควร์ เป็น โรงฝึกสยามสแควร์
2. กลุ่มฝึกสมุทรปราการ เป็น โรงฝึกสมุทรปราการ
3. กลุ่มฝึกธนบุรี เป็น โรงฝึกธนบุรี
4. กลุ่มฝึกหลักสี่ เป็น โรงฝึกหลักสี่
สำหรับปีนี้ขอสรุปเรื่องราวในโรงฝึกในปี 2557 ที่ผ่านมาดังนี้
ส่วนแรกคือเรื่องภายในบูจินกันจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อไม่นานมานี้หลังฝึกเสร็จที่ฮอมบูโดโจ อาจารย์มาซะอะกิ ได้เรียกผมไปทานอาหารกลางวันด้วย และ ได้กล่าวมอบหมายให้ช่วยดูแลเรื่องการฝึกในโซนอาเซียนเนื่องจากปัจจุบันโรงฝึกประเทศไทยเป็นกลุ่มฝึกที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคนี้ ซึ่งโดยหลัก ๆ อาจารย์อยากให้ซัพพอร์ตประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่งจะเริ่มมีการฝึก ซึ่งก็คงต้องคอยดูกันต่อไปว่าจะสามารถทำได้แค่ไหน ซึ่งปัจจุบันทางโรงฝึกเริ่มได้รับการติดต่อจากหลายประเทศเพื่อนบ้านเพื่อมาเข้าฝึกในประเทศไทย เมื่อเปิดประชาคมอาเซียนก็คาดหวังว่าจะได้รับความสะดวกมากขึ้น
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คืออาจารย์เน้นย้ำว่าไม่ต้องหาคนฝึกมาเพิ่มจำนวนมากเพราะบูจินกันค่อนข้างโตพอแล้วทั่วโลก แต่ให้หาคนที่ดี ๆ มาฝึกจะดีกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจารย์เน้นย้ำกับผมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และ ทำให้เป็นแนวทางของโรงฝึกประเทศไทยที่ไม่ต้องการสร้างธุรกิจโรงฝึกขึ้น เราไม่ต้องการคนเข้าฝึกจำนวนมาก ๆ เพื่อให้ได้มีเงินเข้าโรงฝึก แต่ต้องการคัดเลือกผู้ที่สามารถฝึกและอยู่บนแนวทางการฝึกที่ถูกต้องได้มากกว่า
ในช่วงปลายปี อาจารย์มาซะอะกิประกาศให้สมาชิกช่วยนำหินจากประเทศตัวเองมาไว้ที่อนุสรณ์ของอาจารย์ทากามะซึที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นส่วนร่วมสร้างอนุสรณ์จากโรงฝึกทั่วโลก ทางโรงฝึกประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากผู้ฝึกสายดำที่จัดหาก้อนหินจากประเทศไทย และ ส่งมาที่ญี่ปุ่นเพื่อนำมาเป็นส่วนร่วมกับอนุสรณ์นี้เป็นที่เรียบร้อยในปลายปีที่ผ่านมา
ข่าวสุดท้ายจากประเทศญี่ปุ่นก็ คือ ในปีนี้ฮอมบูโดโจ จะทำการย้ายสถานที่ไปที่โรงฝึกใหม่ใกล้ของเดิม เนื่องจากสถานที่เก่าจะมีทางรถไฟสายใหม่ตัดผ่าน โดยคาดว่าสถานที่ใหม่จะสร้างเสร็จเร็ว ๆ นี้
สำหรับข่าวในประเทศไทย ปัจจุบันนอกจากโรงฝึกหลักที่ตึกช้างแล้ว โรงฝึกบูจินกันประเทศไทยมีกลุ่มฝึกย่อยกระจายอยู่ 4 แห่ง คือ หลักสี่ ธนบุรี สมุทรปราการ และ ชลบุรี โดยมีสายดำที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลกลุ่มฝึก และเป็นหัวหน้ากลุ่มฝึกคอยดูแล ตอนนี้โรงฝึกได้สร้างสายดำระดับชิโดชิ 1 คน และ ระดับสายดำได้ถึง 21 คน เป็นสายดำใหม่ที่เพิ่งได้รับในปีนี้ 3 คน และ มีสายดำเก่าเลื่อนขั้นขึ้นในระดับสูงขึ้นตามความเหมาะสม
นอกจากนั้นปีที่ผ่านมาได้มีสมาชิกเดินทางมาฝึกที่ญี่ปุ่นเพิ่มเติม และ ได้รับเสียงชื่นชมในด้านความสามารถ การฝึก และ การปฏิบัติตัว ในระหว่างการเดินทางเข้าฝึกจากอาจารย์ในญี่ปุ่นหลายท่านได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถแสดงถึงมาตรฐานในการฝึกและเลื่อนสายของโรงฝึกประเทศไทยได้
เรามีการริเริ่มให้มีการทดลองฝึกคลาสพื้นฐานให้กับเยาวชนที่อายุระหว่าง 12 – 15 ปี ที่กลุ่มฝึกธนบุรี และ ชลบุรี โดยจะทำการฝึกโดยเน้นด้านการสร้าความเข้าใจที่ถูกต้องในไทจุสสุ โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้น โดยปูพื้นฐานเพื่อเข้าฝึกในคลาสปรกติต่อไปในภายหลัง ทำให้ปัจจุบันเริ่มมีผู้เยาวชนเข้าฝึกบ้างแล้ว
ในปีที่ผ่านมาโรงฝึกได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้ให้กับสมาชิกในหลายด้าน รวมถึงมีการจัดกิจกรรมภายนอกโรงฝึกในสถานที่ใหม่ คือ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งต่อไปคาดว่าจะเป็นสถานที่ ๆ จะจัดกิจกรรมในปีต่อ ๆ ไปด้วย
สำหรับในปีนี้ขอสมาชิกโรงฝึกตั้งแต่ฝึกฝนตัวเอง เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป
ร.ท. เอก โอสถหงษ์, (Nijiryu)
Jugodan, Bujinkan Thailand Dojo